การศึกษาคือสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับเด็ก ๆ ที่กำลังเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ในวันหน้า เพราะเด็กรุ่นหลังจะเป็นแรงสำคัญในการพัฒนาให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีได้ ซึ่งถ้าหากเด็ก ๆ ไม่ได้รับการสนับสนุนและผลักดัน การศึกษาและการเรียนรู้ให้เท่าทันกับเด็กประเทศอื่น ๆ เด็กเหล่านี้อาจมีศักยภาพที่ไม่มากพอ

            ดังนั้นจึงมีพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 655) พ.ศ. 2561 มีใจความสำคัญว่า “ยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยที่มีสนธิสัญญาหรือมีข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับองค์กรที่มีความชำนาญพิเศษแห่งสหประชาชาติ” ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับการบริจาคดังนี้

สำหรับบุคคลธรรมดา

            สามารถลดหย่อนได้ 2 เท่า หากบริจาคเงินให้แก่สถาบันอุดมศึกษาที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี แต่เมื่อรวมกับเงินได้ที่ได้รับการยกเว้นอื่น ๆ การบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษาในโครงการที่กระทรวงการศึกษาธิการเห็นชอบต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน

สำหรับนิติบุคคล

            บริษัทห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือที่ได้บริจาคเงินหรือทรัพย์สิน สามารถลดหย่อนได้ 2 เท่าเช่นเดียวกัน แต่เมื่อร่วมกับรายจ่ายสำหรับการสนับสนุนการศึกษาและรายจ่ายสำหรับการจัดสร้างและบำรุงรักษาสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะและสนามกีฬาที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปใช้ได้ฟรี สามารถหักลดหย่อนได้ไม่เกิน 10% ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการศึกษาและสาธารณประโยชน์

            โดยสิทธิในการลดหย่อนนี้สามารถใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2561 จนถึง 31 ธันวาคม พ.ศ. 2561 ดังนั้นหากบุคคลธรรมดาหรือบริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้บริจาคเงินให้กับสถาบันอุดมศึกษาที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรี สามารถนำไปลดหย่อนภาษีเมื่อถึงเวลายื่นแบบและชำระภาษีในปีหน้าได้